เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic Fiber)
เป็นเส้นใยที่เกิดจากการค้นคว้าและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, คุ
ณสมบัติ และประโยชน์ใช้สอยของเส้นใยได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากเส้นใยปกติทั่วไปที่ได้จากพืชและขนสัตว์ โดยในระยะแรกๆที่ได้คิดค้นเส้นใยสังเคราะห์นั้น ได้เริ่มต้นจากเส้นใยที่ได้จากเซลลูโลสที่ได้จากพืชมาทำการสังเคราะห์
ณสมบัติ และประโยชน์ใช้สอยของเส้นใยได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากเส้นใยปกติทั่วไปที่ได้จากพืชและขนสัตว์ โดยในระยะแรกๆที่ได้คิดค้นเส้นใยสังเคราะห์นั้น ได้เริ่มต้นจากเส้นใยที่ได้จากเซลลูโลสที่ได้จากพืชมาทำการสังเคราะห์
เส้นใยเรยอน (Rayon)
เรยอน เป็นเส้นใยเซลลูโลสสังเคราะห์ หรือเซลลูโลสที่ผลิตขึ้นใหม่ (Regenerated cellulose) รู้จักในชื่อว่า "ไหมเทียม " ต่อมาเรียกว่า "เรยอน" และได้ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น โดยนายโรเบิร์ท ฮุท (Robert Hooke) เป็นผู้คิดประดิษฐ์ " เรยอน" ขึัน และยังมีความเชื่อมั่นว่ายังจะมีวิธีที่จะประดิษฐ์ เส้นใยให้เหมือนกับใยไหมได้
ต่อมา George Audemars ได้ผลิตเส้นใยจากของเหลวในกิ่งหม่อน และกรดไนตริก เป็นเส้นใยยาวๆ เมื่อถูกอากาศจะ แข็งและแห้ง
และได้มีผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องมือทำเส้นใยสังเคราะห์หรือหัวฉีดที่เรียกว่า สปินเนอเรท (Spinnerette) ขึ้นสำเร็จ และได้ใช้เป็นเครื่องมือผลิตเส้นใยสังเคราะห์อีกหลายชนิดในเวลาต่อมา ผู้ผลิตคนดังกล่าวมีชื่อว่า Ozanan และยังได้นำเอาใบหม่อนไปวิเคราะห์เพื่อนำมาทำเส้นใย แต่ผลทีได้เป็นใยเซลลูโลส
Cross และ Bevan ได้ร่วมกันคิดค้นโครงสร้างทางเคมีชนิดต่าง ๆ ของเซลลูโลสขึ้นมา และพบว่า เซลลูโลสประเภทต่าง ๆ เมื่อทำปฎิกิริยากับคาร์บอนไดซัลไฟล์ แล้วเกิดสารประกอบตัวใหม่ซึ่งสามารถ ละลายในน้ำได้ และตั้งชื่อให้ว่า "วิสคอส" (Viscose) ซึางมีวิธีการผลิตที่ง่ายกว่าไนโทรเซลลู์โลส และแถมราคายังถูกกว่าอีกด้วย

เส้นใยอาซีเตด (Acetate)
ผู้พบวิธีการผลิต คือ Poul Schutyenberger ในปี ค.ศ. 1869 Acetate อาจเรียกอีกชื่อว่า เซลลูโลสอาซีเตด (Cellulose Acetate) จัดอยู่ในจำพวกใยเซลลูโลสดัดแปลง ซึ่งมีสองชนิด
คือ อาซีเตดและไตรอาซีเตต มีลักษณะต่างจากใยสังเคราะห์จากเซลลูโลสเรยอนทั้งในส่วนประกอบ
ของเคมีและกระบวนการผลิต คุณสมบัตที่จะสังเกตได้เห็นคือ เส้นใยเรยอน มีคุณสมบัติ ใกล้เคียงกับเส้นใย
เซลลูโลส ส่วนเสันใยอาซีเตดมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเส้นใยสังเคราะห์ทางเคมี เส้นใยอาซีเตด
หมายถึง เส้นใยที่ผลิตได้จากสารเซลลูโลสอาซีเตด
คุณสมบัติของใยผ้าอาซีเตดคุณสมบัติของเส้นใยด้านกายภาพ
1. รูปร่าง
เมื่อดูจากกล้องจุลทัศน์ ภาพตามยาวจะมีเส้นขอบขนานกันและมีรอยยาวขนานกับเส้นขอบ
ภาพตัดขวางจะไม่กลม มีลักษณะเป็นพู่หรือหยักๆโดยรอบ
2. ความเหนียว
อาซีเตดมีความเหนียวค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับเส้นใยชนิดอื่น ๆ คือ
มีความเหนียว 1.2-1.5 กรัมต่อดิเนียร์ เมื่อเปียกความเหนียวจะลดลงเหลือเพียง 0.9 กรัมต่อดิเนียร์
3. การยืดหยุ่น
เส้นใยอาซีเตดจะมีค่า Elastic Recovery 100% ถ้ายืดออก
เพึยง 1% และค่านี้จะลดลงเรือย ๆ เมื่อดึงยืดออกมากขึ้น เช่น ถ้าดึงยืดออก 4% จะมีค่า EIastic
recovery เหลือเพียง 48-65% เท่านั้น
4. กาธดูดความชื้น
สามารถดูดความชื้นได้ที่สภาวะมาตรฐาน 6.5 และถ้าอากาศ แห้งจะเกิดสะสมประจุไฟฟัาสถิตได้
5. การทนความร้อน
เนื่องจากเส้นใยอาซีเตด เป็นเส้นใยในกลุ่ม
Thermoplastic flber ถ้าได้รับความร้อนสูงเกิน 177องศาเซลเซียส เส้นใยจะอ่อนตัว หลอมละลายเป็นของเหลว
คล้ายพลาสติก ถ้าร้อนมากยิ่งขึ้นจะลุกไหม้ ก้อนเถ้าเป็นสีดำกลมแข็งมีกลิ่นคล้ายนัำส้มสายชู
ถ้าเส้นใยถูกแสงแดดนาน ๆ จะลดความแข็งแรงลง
6. การคืนตัว
ผ้าอาซีเเตดมีคุณสมบัติการคืนตัวได้ดี ผ้าไม่ยับง่าย จับจีบถาวรได้
คุณสมบัติของเส้นใยด้านเคมี
- กรดเข้มข้นเป็นอันตรายต่อเส้นใยอาซีเตด ทำให้เส้นใยลดความแข็งแรงลงและ
- ขาดได้ ส่วนด่างทำให้เส้นใยเสียน้ำหนักและความอ่อนนุ่มลง
- อาซีเตดละลายได้ในอาซีเตทฟีนอล และคลอโรฟอร์ม ไม่ทนต่อสารฟอกขาว คลอรีน
- เพราะจะทำอันตรายต่อสีที่ย้อมและลดความแข็งแรงของเส้นใยลง ถ้าต้องการใช้สารฟอกขาวควร
- ใช้ Oxygen Bleach (H2O2)
คุณสมบัติของเส้นใยด้านชีวภาพ
- เนื่องจากมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเส้นใยสังเคราะห์มาก จึงมีคุณสมบัติสามารถ ทนต่อมอด แมลง และเชื้อราได้
ประโยชน์ในการใช้สอย
ผ้าที่ทำจากใยอาซีเตดจัดเป็นผ้าที่มีความสวยงาม มีลักษณะเป็นมัน
คล้ายไหม สามารถผลิตได้ทั้งผ้าหนาและบาง นิ่มนวลและค่อนข้างแข็ง ซักน้ำความสะอาดได้ทั้งวิธี
ซ้กน้ำและซักแห้ง ไม่ควรบิดแรง ๆ เพราะอาจจะทำให้เส้นใยเปื่อย ขาดเร็วกว่ากำหนด และจะให้
เกิดรอยยับอยู่นานจางหายไปยาก เส้นใยอาซีเตดนิยมผลิตเพียงนำไปผสมกับเส้นใยชนิดอื่น ๆ
เช่น ไนลอน โพลิเอสเตอร์ ผ้าอาซีเตดใข้ตัดเสื้อผ้าสตรีและบรุษ ใช้ในงานประดิษฐ์ เช่น เครื่องใช้ใน
บ้าน เป็นต้น
2 เส้นใยโปรตีนสังเคราะห์ (Synthetic Protein Fibers)
เส้นใยแอสลอน (Azlon)
เป็นชือทั่วไปที่ใช้เรียกเส้นใยโปรตีนสังเคราะห์หรือ จากโปรตีนธรรมชาตที่แปรรูป(Regenerated Protein)
แอสลอนไม่ค่อยได้รับความสนใจและมีผลิตไม่มากนักลักษณะของเส้นใยโปรตีนสังเคราะห์นั้นคล้ายขนสัตว์ แต่ไม่ทนทานเท่าขนสัตว์ ให้ความอบอุ่นและนุ่มนวล เหมาะที่จะผสมกับเส้นใยขนสัตว์หรือเส้นใยชนิดอื่นๆเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลลดการทำให้ผ้าเกิดเป็นเม็ดเป็นขุยบนผิวผ้า ย้อมสีติดได้ดี ทนต่อมมอดแมลงและราได้ดี แต่ข้อเสียคือมึความเหนียวต่ำปรับสภาพโค้งงอและนำมารวมตัวกันได้น้อยไม่ทนต่อด่างและสารฟอกขาวการผลิตจากหางน้ำนมนั้นทำได้โดยการใช้เครื่องนำนมมาแยกออกให้ครีมออกจากนมไปเป็น Skimmed Milk แล้วนำครีมที่ได้มาอุ่นให้ร้อนที่อุณหภูมิ 40องศาเซลเซียส เติมกรดลงไปให้โปรตีนเกาะกันเป็นก้อน แล้วนำมาล้างเอากรดและเกลือออก นำไปตากให้แห้ง โปรตีนที่เกาะตัวเป็นก้อนจะมี Casein อยู่ (ในนัำนมจำนวน 100 ปอนด์ จะให้ได้ Casein 3 ปอนด์) จากนั้นนำไปปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผสมในสารละลายด่าง Saustic soda 2.7% ของน้ำหนังเคซิน นำไปทำความสะอาดแล้วกดอัดออกมาเป็นเส้นใย โดยให้ผ่านลงในน้ำที่มีส่วนประกอบของน้ำ 100 ส่วน กรดกำมะถัน 2 ส่วน ฟอร์มาลดีไฮด์ 5 ส่วน กลูโคส 20 ส่วน วิธีการนี้เรียกว่า Acetylation ทำให้คุณสมบัติ ทนต่อน้ำร้อน และไม่ให้มีกลิ่นคล้ายเนยแข็งหรือนม เส้นใยทีผลิตได้จะถูกตัดออกเป็นเส้นใยสั้น ๆ ขนาดเท่าๆ กับเส้นใยที่ได้จากขนสัตว์ และทำให้หยิกงอคล้ายขนสัตว์ ๆ
3 เส้นใยโพลีเมอร์สังเคราะห์ (Synthetic Polymer Fibers)
ไนลอน (Nylon)
ผ้าไนลอนมีคุณสมบัติที่ดี สำหรับให้ทำเสื้อผ้าเครื่องให้หลายชนิดใช้ได้ทนทานไม่ขาด ง่าย มักใช้ผสมกับเส้นใยชนิดอื่น ๆ เพื่อให้เกิดคุณสมบัติที่ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านคงขนาดและรูปร่าง ทนต่อการขัดสี แต่ไนลอนคุณสมบัติดูดความชื้นได้น้อย ดังนั้นถ้าต้องการนำมาตัดเสื้อผ้า ควรเลือกเนื้อผ้าที่ทอถักเนื้อหลวมไม่แน่นมากนัก เพื่อให้มีการระเหยอากาศเเละความชื้นจากร่างกายได้สะดวก เมื่อสวมใส่แล้วจะได้ไม่รู้สึกอับและร้อนมากนัก ผ้าไนลอนถักเป็นผ้าที่ใช้ได้ทนทาน มีการยืดหยุ่นรักษารูปร่าง ได้ดี เคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวก จึงเหมาะสำหรับตัดชุดกีฬา สำหรับผ้าไนลอนที่ทอเนื้อเรียบแน่น เหมาะที่จะให้ทำผ้าร่มกันน้ำได้และถ้าตกแต่งเพื่อป้องกันน้ำซึมผ่านจะใช้ประโยชน์ได้ดี เส้นใยไนลอนเหมาะใช้ทำพรม หรือบุเครื่องเรือนทำเชือก การดูแลรักษาเส้นใยไนลอนทำได้ง่าย
ไม่ว่าจะผลิตเป็นผ้าหรือสิ่งอื่น ๆ สามารถใช้ได้กับสบู่่ ผงซักฟอก สารฟอกขาว ซักด้วยวิธีการซักเปียกแบบธรรมดา แต่ไม่ควรตากผ้าไนลอนกับแสงแดดนาน ๆ เพราะสีจะซีดง่ายและเสื้อผ้าจะลดความแข็งแรงลง
เส้นใยโพลีเอสเตอร์(Polyester)
ถูกค้นพบขึ้นโดย Dr. W.H. Carothers ชาวสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 ซื่งเป็นผู้ค้นพบเส้นใยไนลอน ต่อมานักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้ทำการศึกษาค้นคว้าต่อจน ผลิตเส้นใยโพลิเอสเตอร์ชนิดแรกได้ โดยใช้ชื่อว่า Terylene ในปี ค.ศ. 1941 ต่อมาในปี ค.ศ. 1946 บริษัทดูปองได้ขอซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ชื่อว่า Dacron (แดครอน) เส้นใยโพลิเอสเตอร์จึงได้ รับความนิยมเป็นอย่างกว้างขวางและรวดเร็วกว่าเส้นใยสังเคราะห์ชนิดอื่นๆโพลิเอสเตอร์เป็นเส้นใยที่ผลิตจากปฏิกริยาPolymerizationของ Dihydric alcohol และ Dicarboxylic acid ดังตัวอย่างปฏิกริยาที่เกิดจากการใช้ Ethylene glycol และ Terephthatic acidเมื่อรวมสารเคมีดังเกล่าในกระบวนการผลิต (Polymer repeat unit) ประมาณ 80-100 หน่วย จึงจะได้โพลิเอสเตอร์ที่ทำเป็นเส้นใยได้ โพลิเอสเตอร์ที่ได้จากการผลิตในชั้นต้นจะผ่านออกมาเป็นเส้น แล้วถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เมื่อต้องการทำเป็นเส้นใยก็จะต้องนำไปหลอมเหลว แล้วกดผ่านแว่น Spinnerette เส้นใยที่กดออก มากระทบอากาศก็จะแข็งตัว จากนั้นก็นำไปดึงยืดเพื่อให้เส้นใยมีความเหนียวแข็งแรง
เส้นใยโพลีเอสเตอร์กับประโยชน์ในการใช้สอย
ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยโพลิเอสเตอร์นั้นได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดากลุ่มเส้นใยสังเคราะห์อื่นๆ โพลิเอสเตอร์มีชื่อการค้าหลายชื่อขึ้นอยู่กับประเทศและบริษัทผู้ผลิต เช่น Dacron, Avlin, Encron, Kodel, Trevira, Vycron โพลิเอสเตอร์ที่ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาเรียกว่า Terylene ผลิตในประเทศอังกฤษเรียกว่า Tetoron ส่วนโพลีเอสเตอร์ที่ผลิตในญี่ป่น เรียกว่า Toray (โทเรย์)คุณสมบัติที่ดีของเส้นใยโพลิเอสเตอร์นั่นก็คือการที่ไม่ยับง่าย สวมใส่สบาย ดูแลรักษาง่าย เป็นเส้นใยประเภท Wash and Wear นอกจากจะผลิตเป็นผืนผ้าที่ได้จากเส้นใยโพลิเอสเตอร์อย่างเดียวแล้ว ยังนิยมนำเส้นใยโพลิเอสเตอร์ผสมกับเส้นใยชนิดอื่น เช่น เรยอน ไหม ฝัาย ลินิน ขนสัตว์ เป็นต้น และมักจะใช้ประมาณไม่ตำกว่า 60% เซ่น โพลิเอสเตอร์ 65% ฝัาย 35%การที่นำเส้นใยโพลิเอสเตอร์ผสมกับเส้นใยชนิดอื่นๆเพื่อให้ผ้าทีได้จากเส้นใยผสมมีคุณสมบัติดีขึ้น ทั้งในด้าน ความสวยงาม ความคงทนและความเหมาะสมต่อประโยชน์ในการใช้สอย ผู้ที่ผลิตผืนผ้าจากเส้นใยโพลิเอสเตอร์ และผ้าที่ผลิตจากเส้นใยผสมที่มีเสันใยโพลิเอลเตอร์อยู่ด้วยนั้น สามารถผลิตได้ทั้งผ้าเนื้อบางเบา จนถึงผ้าเนื้อหนาๆที่ใช้ตัดเสื้อ กระโปรง กางเกง และสูท เป็นต้น การทำคาามสะอาดสามารถซักได้ทั้งการซักน้ำและซักแห้ง สามารถใช้กับผงซักฟอก สบู่ สารฟอกขาวทุกชนิด ถ้าซักน้ำไม่ควรบิดเพื่อให้แห้ง แต่ควรจะสลัดน้ำออก ซึ่งจะต้องตากให้แห้งในทีร่มหรือแดดอ่อนๆ ไม่จำเป็นตัองรีด ถ้าเปื้อนไขมันควรลบรอยเปื้อนด้วยแชมพูสระผมก่อนจึงนำไปซักด้วยวิธีธรรมดาจะสามารถทำให้รอยเปรอะเปื้อนนั้นๆออกได้ง่ายขึ้น
คุณสมบัติทั่วไปของกลุ่มเส้นใยโพลเอสเตอร์
1. ยืดหยุ่นดี ไม่ยับง่าย
2. ย้อมสีติดยาก ดูดซึมความชื้นได้ต่ำ
3. คงรูปคงขนาดดี ขณะเป็นของเหลว
4. ซักได้ทั้งซักเปียกและซักแห้ง
5. ซักง่าย แห้งเร็ว
6. ไวต่อความร้อน
7. ไม่ต้องรีด
8. ทนต่อการขัดสีได้ดี
9. เมื่อเปื้อนไขมันซักออกยาก
10. มีความเหนียวทนทาน
11. ผ้าที่ทอจากใยสั้น เนื้อผ้า คงสภาพรูปร่างได้ดี
2. ย้อมสีติดยาก ดูดซึมความชื้นได้ต่ำ
3. คงรูปคงขนาดดี ขณะเป็นของเหลว
4. ซักได้ทั้งซักเปียกและซักแห้ง
5. ซักง่าย แห้งเร็ว
6. ไวต่อความร้อน
7. ไม่ต้องรีด
8. ทนต่อการขัดสีได้ดี
9. เมื่อเปื้อนไขมันซักออกยาก
10. มีความเหนียวทนทาน
11. ผ้าที่ทอจากใยสั้น เนื้อผ้า คงสภาพรูปร่างได้ดี
เส้นใยอนิเด็กซ์ (Anidex)
เป็นเส้นใยในกลุ่มอีลาสโตเมอร์ เป็นยางสังเคราะห์ชนิดใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่ายางธรรมชาติ และสแปนเด็กซ์
ใยอนิเด็กซ์ เป็นโพลิเมอร์ซึ่งประกอบด้วยเอสเตอร์ ของโมโนไฮดริค แอลกอฮอล์ และกรดอะคริลิค ไม่น้อยกว่า 50% โดยน้ำหนัก
คุณสมบัติของเส้นใยอนิเด็กซ์
สามารถยืดหดกลับเข้ารูปเดิมได้ดีเยี่ยม ย้อมสีพิมพ์ดอกได้หลายวิธี ตกแต่งให้ทนยับ อย่างถาวรและทนสิ่งสกปรกได้ดี เส้นใยอนิเด็กซ์สามารถนำมาผลิตเป็นผ้าทอหรือผ้าถักได้ดี เส้นใยยางเดี่ยวหุ้มด้วยเส้นใยชนิดอื่นใช้ทำอีลาสติกได้ดี
การทำความสะอาดนั้นสามารถซักได้ทั้งซักเปียกและ ซักแห้ง ฟอกขาวกับสารคลอรีนได้ ทนทานต่อการซักและการเปื้อนสิ่งสกปรกและไขมันได้ดี สามารถนำไปผสมกับเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยยางสังเคราะห์ชนิดอื่น ๆ ได้
เส้นใยอะคริลิค (Acrylic)
ใยอะคริลิค เป็นชื่อทั่วไปของเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งบริษัทดูปองผลิตขึ้นมาได้เป็นชนิดที่สอง แต่ยังไม่สามารถนำมาทำเป็นเส้นใยได้ จนกระทั่งถึงระยะหลังเมื่อมีเส้นใยสังเคราะห์หลากหลายชนิดเกิดขื้น จึงได้ผลิตเส้นใยอะคริลิคออกมาในสื่อการค้าว่า ออร์ลอน (Orlon) และบริษัทอื่น ๆ ได้ผลิตเส้นใยอะคริลิคออกมา เช่น อะคริแลน (Acrilan) ผลิตโดยบริษัทซีลานีส เวเรล (Verel) ผลิตโดยบริษัทอีสแมน ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีส่วนประกอบเหมือนกัน แต่ขบวนการผลิตแตกต่างกัน อะคริลิคเป็นเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งประกอบด้วยโพลิเมอร์ของ Acrylonitrille อย่างน้อย 85% โดยน้ำหนักและ Vinyl Cyanide เมื่อได้เป็นโพลิเมอร์ที่จะทำให้เป็นเส้พใยต้องนำไปละลายใน Dimethyl formamide แล้วจืงอัดเป็นเส้นใย เมื่อตัวทำละลายระเหยไปก็จะได้เส้นใยอะคริลิค
คุณสมบัติของเส้นใยด้านเคมี
ทนต่อด่างอ่อนๆได้ดี ด่างแก่ทำให้เส้นใยเปื่อยและขาดได้ ทนต่อกรดแร่และกรดอินทรีย์เจือจางได้ดี กรดเข้มข้นทำให้เส้นใยลดความเหนียวลงและละลายได้ สารละลายอินทรีย์ที่ใช้ในการทำความสะอาดสำหรับการซักและลบรอยเปื้อน นั้นสามารถใช้ได้กับทุกชนิด
คุณสมบัติของเส้นใยด้านชีวภาพ
ทนต่อเชื้อรา แมลง และแบคทีเรียทั่วไปได้ดี
เส้นใยอะคริลิคกับประโยชน์ในการใช้สอย
เส้นใยอะคริลิค เป็นเส้นใยที่สะดวกในการดูแลรักษา มีน้ำหนักเบา เมื่อผลิตเป็นผ้าได้ จะได้ผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล ให้ความอบอุ่นคล้ายเส้นใยขนสัตว์ จึงนิยมนำไปผสมกับเส้นใยขนสัตว์ ทำผ้าขนสัตว์เทียม เช่น ใช้ทำเป็นผ้าห่ม พรม เสื้อกันหนาวแต่เนื่องจากเส้นใยอะคริลิค ดูดความชื้นได้ต่ำ ผ้าอะคริลิคจะสะสมประจุไฟฟัาสถิต ทำให้สวมใส่ไม่สบาย การซักทาความสะอาด ซักได้ทั้งซักเปียกและซักแห้ง ไม่ควรใช้ความร้อนในการซัก ไม่ควรต้มผ้า เพราะจะทำให้ผ้าหดเสียรูปทรงได้ผ้าอะคริลิคมีชื่อการค้าหลายชื่อ เช่น Orlon, Acrilan, Zefran, Creslan
เส้นใยสแปนเด็กซ์ (Spandex)
เป็นเส้นใยยางสังเคราห์ที่ยืดได้ดีและสามารถหดกลับได้เท่ากับขนาดเดิม เป็นเส้นใยที่อยู่ในประเภท อีลาสโตเมอร์ ประกอบด้วยโพลิยูริเทน (polyurethane) ใยสแปนเด็กซ์ที่ผลิตขึ้นชนิดแรกมีชื่อว่า ไลคร้า (Lycra) เล้นใยในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติดีกว่ายางธรรมชาติทั่วไปตรงที่สามารถดูดความชื้น ได้ประมาณ 3-1.2% ที่สภาวะมาตรฐานรีดได้ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 300F ทนต่อสารเคมีได้ดี ยกเว้นด่างเข้มข้นจะทำให้ความเหนียวและการยืดหยุ่นตัวลดลง ไม่ทนต่อสารฟอกขาวจำพวกคลอรีน ทนต่อเหงื่อไคล และไขมันจากร่างกายได้ดีกว่ายางธรรมชาติ ใยสแปนเด็กซ์สามารถย้อมสีได้ ทนต่อการขัดสีและทนต่อปฎิกริยา Oxidation ได้
ประโยชน์ของเส้นใยสแปนเด็กซ์
- ใช้ทำเป็นส่วนหนึ่งของชุดชั้นในสตรี ชุดอาบน้ำ
- ขอบถุงเท้า ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ต้องการให้มีการยืดกระชับ เช่น ผ้าพันข้อเท้าและหัวเข่า
ผ้าพันกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ชื่อการค้าของเส้นใยสแปนเด็กซ์ ได้แก่ Lycra, Numa, Glospan, Unel, Duraspan, Estane V.C.,
lnterpan & Fulflex
ผ้าพันกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ชื่อการค้าของเส้นใยสแปนเด็กซ์ ได้แก่ Lycra, Numa, Glospan, Unel, Duraspan, Estane V.C.,
lnterpan & Fulflex
ความคิดเห็น
ข้อมูลเยอะดี
เข้าใจได้ไม่ยากด้วย